พัฒนาการของฟุตบอลในอังกฤษ; ในตอนต้นของทศวรรษ 1800 ที่ประเทศอังกฤษ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเล่นฟุตบอลกัน

ปัญหาคือไม่มีกฎเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าทุกเกมต้องปฏิบัติตาม และแต่ละโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็มีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง นี่หมายความว่ากฎๆหนึ่งที่ยึดถืออย่างเคร่งครัดในส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศ อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากทีมอื่นก็ได้

สิ่งนี้มักกลายเป็นปัญหาเมื่อสองทีมจากที่ต่าง ๆ พยายามเล่นกันเอง มันนำไปสู่ความขัดแย้งและความสับสนมากมาย

ในปี ค.ศ. 1840 มีความพยายามครั้งแรกในการสร้างกฎเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

กฎของเคมบริดจ์ – ค.ศ. 1848

ในปี ค.ศ. 1848 ครูจากโรงเรียนต่างๆ ทางตอนใต้ของอังกฤษมารวมตัวกันที่วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างกฎเกณฑ์ทั่วไปสำหรับฟุตบอล

หลังจากสิ่งที่ถูกอธิบายว่าเป็น “ความคืบหน้าอันล่าช้า” ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงในกฎเกณฑ์บางอย่างและออกเอกสารที่กลายเป็นที่รู้จักในนามกฎของเคมบริดจ์

กฎของเคมบริดจ์บางข้อ คือ –

• ห้ามวิ่งพร้อมกับถือลูกบอลในมือ
• จะเป็นประตูเมื่อลูกบอลถูกเตะเข้าระหว่างธงและใต้เส้นเชือก
• อนุญาตให้ทำการทุ่มบอลด้วยมือเดียว
• และตัดสินให้ผู้เล่นทุกคนในทีมเดียวกันสวมหมวกสีเดียวกัน

แม้ว่าในเวลานี้ กฎเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้ใช้มือในเกมได้ แต่จำนวนที่สามารถจับลูกบอลได้ก็ลดลง

กฎของเคมบริดจ์จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเกมฟุตบอล

โลกาภิวัตน์ของ ฟุตบอล

หลังจากเหตุการณ์สำคัญในปี ค.ศ.1863 เมื่อฟุตบอลถูกสร้างขึ้น กีฬาชนิดนี้ก็เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก จากโรงเรียนและสโมสรไม่กี่แห่งในอังกฤษในศตวรรษที่ 19 จนถึงผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกที่ชื่นชอบฟุตบอลในปัจจุบัน ฟุตบอลได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ก็มีการเข้าถึงและมีอิทธิพลไปทั่วโลก

ฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กฎต่างๆ ได้รับการปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงตามความจำเป็น ฟีฟ่ากลายเป็นองค์กรปกครองหลักของฟุตบอลในปี ค.ศ.1904 องค์กรถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรปกครองระหว่างประเทศ

แต่การสร้างสรรค์และคิดประดิษฐ์ฟุตบอลขึ้นมานั้น  มักจะย้อนไปในปี ค.ศ.1863 ประเทศอังกฤษ เมื่อมีการจัดตั้งองค์กรปกครองฟุตบอลแห่งแรกขึ้น

สรุป: ใครเป็นผู้คิดค้นฟุตบอลขึ้นมา

โดยสรุปแล้ว หลายๆ ประเทศได้มีส่วนร่วมในการสร้างฟุตบอลที่เรารู้จักและชื่นชอบในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1848 และ ค.ศ. 1863 อังกฤษได้เริ่มปรับปรุงกฎเกณฑ์และชุดเครื่องแบบของฟุตบอลให้ทันสมัย ในขณะที่กีฬาฟุตบอลสมัยใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นระหว่างโรงเรียนและเมืองต่างๆ ในอังกฤษ ความสนใจของเกมก็เพิ่มขึ้นไปยังประเทศอื่นๆด้วย ดังนั้น สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) จึงได้กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1904

ปัจจุบันฟุตบอลได้รับความนิยมมากกว่าที่เคยเป็น ผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนเข้าร่วมการแข่งขัน FIFA World Cup ในปี ค.ศ. 2018 และกีฬาดังกล่าวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ MLS (เมเจอร์ลีกซอกเกอร์) ก็เพิ่มทีมในสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าแข่งขันในเกมที่สวยงามนี้ด้วย

ครั้งต่อไปที่คุณถูกถามว่าใครเป็นผู้คิดค้นฟุตบอลขึ้นมา คุณสามารถพูดได้ว่าหลายประเทศมีส่วนร่วมในการกำหนดเกม ซึ่งเป็นเหตุให้มันเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก อย่างไรก็ตาม อังกฤษยังคงได้รับเครดิตในการผูกทุกอย่างไว้ด้วยกันจากกฎต่างๆ มากมาย ให้เป็นวิธีการเล่นเกมแบบเดียวกัน นั่นคือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ให้เครดิตว่าพวกเขาคือผู้ประดิษฐ์ฟุตบอลขึ้นมา

ถ้าคุณอยากรู้เกี่ยวกับ เตะบอล | 5 ทริคเตะบอล “จงอ่านบทความโดยละเอียดจากเรา บทความของเราครอบคลุมหัวข้อที่สำคัญเกี่ยวกับฟุตบอลและให้ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมฟุตบอล โปรดติดตามเรา”